ยุคสมัยนี้สาว ๆ มักไม่ค่อยพอใจในรูปร่างของตัวเองสักเท่าไหร่ เนื่องจากว่าอยากจะมีสะโพกที่ดูสวย เมื่อมีสะโพกที่สวยก้นก็จะเด้ง ทำให้สวมใส่เสื้อผ้าออกมาแล้วดูสวยงาม จึงมักนิยมที่จะหาวิธีที่จะเพิ่มสะโพกให้กับตัวเอง และการเพิ่มหรือเสริมสะโพกด้านข้างเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สาว ๆ นิยมทำกัน
การเสริมสะโพกก็เพื่อที่จะให้รูปร่างออกมาดูสมส่วน สามารถแก้ไขรูปร่างที่ไม่มีส่วนเว้า ส่วนโค้ง ก้นที่ดูแบนราบ ให้ออกมาแล้วดูสวยได้ และวิธีที่นิยมทำกันมากที่สุดคือ การเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน การเสริมสะโพกด้วยวิธีฉีดไขมัน และการเสริมซิลิโคนร่วมกับการฉีดไขมันบริเวณสะโพก
การผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน (Gluteal augmentation with implant)
เป็นการใช้ซิลิโคนสำหรับบริเวณสะโพกโดยเฉพาะ ด้วยการวางซิลิโคนไประหว่างชั้นกล้ามเนื้อก้น (Gluteus maximus muscle) จะทำให้ก้นและสะโพกใหญ่ ได้ทรงสวยขึ้น ซึ่งกล้ามเนื้อบริเวณนี้ ต่างจากการวางซิลิโคนหน้าอกตรงที่มีกระดูกล้อมรอบสามด้าน ทำให้มีข้อจำกัดด้านขนาดซิลิโคนที่จะใส่ได้ ขนาดที่นิยม และเหมาะกับสรีระของคนไทย ส่วนใหญ่จะประมาณ 300 – 360 cc
แนะนำบทความยอดนิยม Miradry จากเว็บไซต์ Rattinan.com
ซึ่งการผ่าตัดเสริมสะโพกนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ ดังนี้
- การเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน ร่วมกับการดูดไขมันรอบก้น
สาว ๆ ส่วนใหญ่ที่มาเสริมก้น หรือเติมสะโพกนั้น จะมีไขมันสะสมตามฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งลดได้ยากจากการออกกำลังกาย เช่นต้นขาด้านใน และบริเวณเอว การดูดไขมัน จึงเป็นคำตอบที่ดีสำหรับการมีสะโพก และก้นที่สวยงามในแบบที่ต้องการ สามารถทำพร้อมกับเสริมสะโพกได้ในทีเดียว
- ฉีดไขมันเสริมสะโพก (Brazilian butt lifts)
เป็นการดูดไขมันจากบริเวณที่ไม่ต้องการ เช่น หน้าท้อง ต้นขา แล้วนำไขมันดังกล่าว มาฉีดเข้าไปในสะโพก เพื่อให้สะโพกมีรูปร่างตามต้องการ นิยมทำกันมากในบราซิล แต่มีข้อจำกัดดังนี้
- ต้องดูดไขมันปริมาณมากเพื่อมาฉีด คนไข้บางรายอาจมีไขมันไม่เพียงพอ
- ไขมันที่ฉีดอาจอยู่ได้ไม่ทั้งหมด ส่วนมากจะสลายไป จึงอาจไม่ได้ขนาดที่เป็นตามต้องการ
- ไขมันบางส่วน สลายไม่เท่ากัน ทำให้ดูไม่เท่ากันทั้งสองข้าง
เพื่อให้ได้สะโพกตามขนาดที่ต้องการ การฉีดไขมันเสริมที่สะโพก จึงมักทำร่วมกับการเสริมซิลิโคน มากกว่าแค่การฉีดไขมันอย่างเดียว
- เสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมัน
เป็นการดูดไขมันจากบริเวณที่ไม่ต้องการ เช่น หน้าท้อง ต้นขา แล้วนำไขมันนั้นมาฉีดเข้าไปในสะโพก เพื่อให้สะโพกและบั้นท้ายมีรูปร่างตามต้องการ ข้อดีของการเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมันคือ ไขมันที่ใช้เสริมนั้นเป็นไขมันของร่างกายตนเอง ปัญหาผลข้างเคียงจึงไม่เกิดขึ้น
การดูแลหลังผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมัน คือ ปฏิบัติตัวเช่นเดียวกับการเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน แต่ต่างกันที่ห้ามนวดบริเวณที่ฉีดไขมันเด็ดขาด เพราะทำให้ไขมันสลายได
บทความแนะนำ การฉีดฟิลเลอร์ จาก Rattinan.com
การเสริมสะโพกด้านข้างเหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีก้นเล็ก แฟบ ทำให้ใส่ชุดรัดรูปดูไม่มั่นใจ
- ผู้ที่ลดน้ำหนักมากและเร็วเกินไป ผิวไม่กระชับ
- ผู้ที่มีหุ่นที่ไม่มี Curves ดูตรง ทื่อ
- คนที่ต้องการมีสะโพก หรือก้นที่ใหญ่ขึ้น ไม่ต้องการใส่กางเกงเสริมก้น ชอบโชว์สะโพก
- ก้นหย่อน ยาน ตามวัย
- สาวประเภทสองที่ต้องการ เปลี่ยนลุคเป็นผู้หญิง ต้องการสะโพก
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมสะโพก
- แพทย์จะให้ท่านดมยาสลบ และ ฉีดยาชาที่หลังเพื่อลดการเจ็บหลังผ่าตัด
- แพทย์จะให้ท่านนอนคว่ำ เนื่องจากเวลาผ่าตัดต้องผ่าในท่านอนคว่ำ
- แผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณร่องก้น มีแผลเดียว ประมาณ 4 -6 เซนติเมตร เพื่อซ่อนแผลให้เห็นน้อยที่สุด
- วิธีเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน จะต้องวางในกล้ามเนื้อทุกเคส เพราะถ้าใส่เหนือกล้ามเนื้อจะเห็นเป็นขอบ เป็นก้อนซิลิโคนแยกออกมาไม่เป็นธรรมชาติ และซิลิโคนจะขยับ ผิดตำแหน่งได้ง่าย เวลานั่งทับเป็นเวลานาน
- แพทย์จะทำการใส่สายระบายเลือด ทิ้งไว้ 2 วัน ก่อนเอาออก และกลับบ้านได้
- แพทย์จะทำการเย็บด้วยไหมละลาย ท่านจึงไม่ต้องตัดไหม
การดูแลหลังผ่าตัดศัลยกรรมสะโพก
- หลังทำการผ่าตัดแพทย์จะให้ท่านนอนพักที่โรงพยาบาล หลังผ่าตัด 2 คืน เพื่อให้ยาฆ่าเชื้อ และเอาสายระบายเลือดออก ก่อนกลับบ้าน
- แผลไม่ต้องทำความสะอาด เนื่องจากแผลจะปิดด้วยกาวใส่แผลที่กันน้ำอยู่แล้ว สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ
- ไม่ต้องนวดซิลิโคน เนื่องจากโอกาสเกิดพังผืดน้อยมาก
- แผลไม่ต้องตัดไหม เย็บด้วยไหมละลาย และทากาวสำหรับติดแผล (dermabond)
- ห้ามนอนหงาย หรือนั่งทับแผล 10 -14 วัน หลังผ่าตัด
- สามารถนอนตะแคง หรือเดินได้ ตั้งแต่หลังผ่าตัดวันแรก
- สามารถนั่งโถปัสสาวะ ขับถ่าย ได้ตามปกติ ตั้งแต่หลังผ่าตัด
- แผลไม่ต้องตัดไหม เย็บด้วยไหมละลาย และทากาวสำหรับติดแผล (dermabond)
- ทานอาหารที่สุกสะอาดได้ทุกอย่าง
บทสรุป
เสริมสะโพกด้านข้าง เป็นการทำให้สาว ๆ มีรูปร่างที่สวยงาม เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ก่อนที่จะเข้ารับบริการท่านต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน ทั้งสถานบริการ และแพทย์ผู้ให้บริการที่จะต้องมีความเชี่ยวชาญ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและเพื่อการลดความเสี่ยงในการเข้าใช้บริการเสริมสะโพก