สาว ๆ คนไหนเป็นกันบ้างไหมที่มักจะบ่นเรื่องรูปร่างของตัวเอง พร้อมความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับเรื่องขนาดเอวและสะโพกของตนเอง บางคนชอบบ่นว่าสะโพกใหญ่? ทั้ง ๆ ที่มีขนาดสะโพกเพียง 32-33 นิ้ว ในขณะที่มาตรฐานสัดส่วนของผู้หญิงไทยที่จัดว่าเป็นมาตรฐานสากลคือ สะโพก 36 นิ้ว จึงจะถือได้ว่าสวย/ใหญ่ตามมาตรฐาน และสะโพกขนาดกลางพอเหมาะ คือ 35 นิ้ว หากใครที่มีสัดส่วนสะโพกน้อยกว่านี้ ถือว่าสะโพกเล็ก
จริง ๆ เอวกับสะโพกควรห่างกันกี่นิ้ว หลักเกณฑ์สัดส่วนของผู้หญิงตามหลักมาตรฐานที่ควรจะเป็น ไม่ว่าคุณจะมีขนาดเอวเท่าไรก็ตาม คุณควรมีขนาดสะโพกที่ห่างจากเอวอย่างต่ำ 10 นิ้ว คุณถึงจะแลดูหุ่นดี สวยงาม เอวคอด เช่น หากคุณมีเอว 26 นิ้ว สะโพกคุณต้อง 36 นิ้ว นั่นถือว่าคุณมีสัดส่วนที่มีความโค้งเว้าสวยงามได้ตามมาตรฐาน
แต่สัดส่วนที่ดี ในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าต้องมีขนาดที่ใหญ่เสมอไป ไม่ว่าตัวคุณจะมีสะโพกขนาดเท่าไรก็ตาม ขอแค่ระยะห่างจากเอวคือ 10 นิ้ว เป็นสวยเอวคอด ไม่ว่าคุณจะใส่ชุดอะไร หรือเสื้อผ้าแบบไหน คุณก็มั่นใจ ผู้หญิงที่มีสะโพกสวย เวลาเดินในชุดต่าง ๆ ยังดูสวยงามและมีเสน่ห์เย้ายวนในตัวอีกด้วยนะ
และหากใครที่มีสะโพกไม่สมส่วน ไม่ได้รูปแบนแฟบ เราก็มีวิธีเสริมสะโพกมาฝากกันค่ะ
การผ่าตัดเสริมสะโพกมี 3 แบบคือ
1.เสริมโดยการใช้ไขมันฉีดให้เพิ่มขึ้น
การเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมัน หรือเรียกอีกอย่างว่า Brazilian Butt Lift เป็นการเสริมสะโพกอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน ศัลยแพทย์จะทำการดูดไขมันส่วนเกินจากส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น หน้าท้อง เอว หรือต้นขา จากนั้นศัลยแพทย์จะฉีดไขมันเข้าไปที่สะโพก เพื่อเสริมสะโพกให้มีขนาดที่สวยงามมากยิ่งขึ้น การเสริมสะโพกด้วยวิธีนี้บางครั้งอาจทำพร้อมกับการเสริมด้วยถุงซิลิโคน
2. เสริมโดยการผ่าตัด ใส่แผ่นซิลิโคนหรือถุงซิลิโคน
การผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยถุงซิลิโคน เป็นวิธีการแรก ๆ ที่ใช้ในการศัลยกรรมเสริมสะโพก ศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณร่องก้นและใส่ถุงซิลิโคนเข้าไป เป็นวิธีที่แพทย์มักจะแนะนำเพราะปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะโพกน้อย
ในการปรับรูปทรงสะโพกให้ ผาย กลมกลึง กระชับสวยงาม ด้วยถุงซิลิโคนมี
ข้อดี
- สามารถผ่าตัดได้ทันทีแม้ไม่มีไขมัน
- สามารถกำหนดขนาดที่ต้องการได้
- เมื่อต้องการเอาออกสามารถเอาออกได้ทั้งถุงซิลิโคน
- การเสริมซิลิโคนสามารถแก้ปัญหาก้นห้อยได้
ข้อเสีย
- พักฟื้นนานกว่า
- เนื่องจากเป็นวัสดุทำขึ้นมาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ร่างกายอาจจะไม่ยอมรับได้
3. ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน ร่วมกับ การผ่าตัดยกกระชับ
การยกกระชับสะโพก เป็นการยกกระชับสะโพกที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเด้งเต่งตึงอีกครั้ง โดยการผ่าตัดนำผิวหนังส่วนที่หย่อนคล้อยบริเวณสะโพกออก จะมีแผลซ่อนอยู่ที่ขอบบิกินี่ไลน์ด้านหลัง การผ่าตัดอาจจะเป็นการผ่าตัดยกกระชับสะโพกอย่างเดียว หรือ มีการเสริมด้วยถุงซิลิโคนหรือและฉีดไขมันร่วมด้วย
ข้อดี
- สามารถผ่าตัดได้ทันทีแม้ไม่มีไขมัน
- สามารถกำหนดขนาดที่ต้องการได้
- เมื่อต้องการเอาออกสามารถเอาออกได้ทั้งถุงซิลิโคน
- การเสริมซิลิโคนสามารถแก้ปัญหาก้นห้อยในกรณีที่ก้นห้อยและมีหนังเหลือเยอะมาก เทคนิคนี้สามารถปรับรูปร่างของสะโพกและลำตัวได้
ผู้ที่เหมาะสมทำการผ่าตัดเสริมสะโพก
- สะโพกแบน เล็ก หรือห้อย
- มีความคาดหวังอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง
- มีร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง สามารถดมยาสลบได้
- มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด เสริมสะโพก
- ปรึกษาศัลยแพทย์ เพื่อเลือกขนาดถุงซิลิโคนให้เหมาะสมกับรูปร่าง
- ตรวจเลือดและตรวจร่างกาย
- ทานยาหรือปรับยาตามแพทย์แนะนำเพื่อเตรียมตัวผ่าตัด
- หยุดยาจำพวกแอสไพริน ยาลดอาการอักเสบ หรือสมุนไพร เพราะอาจจะทำให้เลือดออกขึ้นมาได้
การดูแลหลังผ่าตัดเสริมสะโพก
- ผู้ที่ผ่าตัดเสริมสะโพก ต้องระวังเรื่องของการอักเสบของแผลที่เกิดจากแผลผ่าตัดที่อยู่บริเวณร่องก้น ซึ่งจะมีความยาวประมาณ 4-5 ซม.
- หลังผ่าตัดใหม่จึงต้องนอนคว่ำหน้าอย่างน้อย 7 วัน เพื่อป้องกันไม่ ให้แผลแยกและช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น หลังจากนั้น สามารถนอนตะแคงสลับการนอนคว่ำ เป็นเวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์
- ใส่กางเกงยกกระชับสะโพก 1 เดือนเพื่อช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้น
- ไปพบแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง