การเสริมสะโพกทำได้ 3 วิธี

การผ่าตัดเสริมสะโพก เป็นการปรับสรีระรูปร่างให้เห็นส่วนโค้ง ส่วนเว้าของเอว  สะโพก และต้นขา เด่นชัดขึ้น ช่วยทำให้มีสัดส่วนของเอว สะโพก ต้นขา สวยสมดุล และการเสริมสะโพก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับบั้นท้าย เช่น ไม่มีก้น หรือหย่อนคล้อย ผลลัพธ์ที่ได้นอกจากจะทำให้สะโพกดูผายได้รูปทรงที่สวยงามแล้ว ยังช่วยยกกระชับส่วนที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึงขึ้นด้วย ทำให้ใส่กระโปรง กางเกง หรือชุดเดรสแบบเข้ารูปได้สวย เห็นสัดส่วนโค้งเว้าที่ชวนมอง เพิ่มความมั่นใจได้ ส่งผลให้บุคลิกภาพดีขึ้นด้วย

การเสริมสะโพกเหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีก้นเล็กตั้งแต่กำเนิด ลีบ แฟ่บ เหมือนผู้ชาย ต้องการใส่กางเกงรัดรูป กางเกงยีน หรือบิกินี่ให้ดูเข้ารูปมากขึ้น
  • ผู้ที่รูปร่างทื่อ และเคยเสริมหน้าอกแล้ว ถ้าเสริมก้นไปอีก จะทำให้ดูมีสัดส่วนและดูเซ็กซี่มากขึ้น
  • ลดน้ำหนักมากเกินไป ทำให้ก้นเหี่ยว ก้นแฟ่บ มีการยกกระชับ อาจต้องเสริมก้นเพิ่มด้วย
  • แก้ปัญหาบั้นท้ายหย่อนยานตามวัย ต้องการเสริมให้ดูเต่งตึงขึ้น
  • สาวประเภทสอง ซึ่งปกติผู้ชายไม่มีสะโพก การเสริมสะโพกจึงเป็นตัวเลือกที่ดี ให้มีทรวดทรงองเอวคล้ายผู้หญิงมากขึ้น
  • กลุ่มผู้หญิงที่สามีเป็นคนต่างชาติ และนิยมสะโพกใหญ่
  • เบื่อไม่ต้องการใส่กางเกงในเสริมก้น อยากใส่กางเกงรัดรูป โชว์สะโพกได้อย่างมั่นใจ

 การเสริมสะโพกสามารถทำได้ 3 วิธี

1. ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน (Buttock Implants)

การผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยถุงซิลิโคน เป็นวิธีการแรก ๆ  ที่ใช้ในการศัลยกรรมเสริมสะโพก ศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณร่องก้นและใส่ถุงซิลิโคนเข้าไป เป็นวิธีที่แพทย์มักจะแนะนำเพราะปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะโพกน้อย

ข้อดี

  • สามารถผ่าตัดได้ทันทีแม้ไม่มีไขมัน
  • สามารถกำหนดขนาดที่ต้องการได้
  • เมื่อต้องการเอาออกสามารถเอาออกได้ทั้งถุงซิลิโคน
  • การเสริมซิลิโคนสามารถแก้ปัญหาก้นห้อยได้

แต่อาจพักฟื้นนานกว่าเนื่องจากเป็นวัสดุทำขึ้นมาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ร่างกายอาจจะไม่ยอมรับได้

2. ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมัน (Fat Graft)

การเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมัน หรือเรียกอีกอย่างว่า Brazilian Butt Lift เป็นการเสริมสะโพกอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน ศัลยแพทย์จะทำการดูดไขมันส่วนเกินจากส่วนต่าง  ๆ  ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง เอว หรือต้นขา จากนั้นศัลยแพทย์จะฉีดไขมันเข้าไปที่สะโพก เพื่อเสริมสะโพกให้มีขนาดที่สวยงามมากยิ่งขึ้น การเสริมสะโพกด้วยวิธีนี้บางครั้งอาจทำพร้อมกับการเสริมด้วยถุงซิลิโคน ในการปรับรูปทรงสะโพกให้ ผาย กลมกลึง  กระชับสวยงาม ด้วยการฉีดไขมัน

ข้อดี

  • เป็นไขมันของตัวเอง

ข้อจำกัดไขมันที่ฉีดเข้าไปบางส่วนจะสลายไป ขนาดของก้นหลังผ่าตัดใหม่ ๆ กับหลังผ่าตัด 6 เดือนจะต่างกันมาก ละก้นสองข้างอาจจะไม่เท่ากัน

3. ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน ร่วมกับ การผ่าตัดยกกระชับ (Buttock Implants  and lift)

การยกกระชับสะโพก เป็นการยกกระชับสะโพกที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเด้งเต่งตึงอีกครั้ง โดยการผ่าตัดนำผิวหนังส่วนที่หย่อนคล้อยบริเวณสะโพกออก จะมีแผลซ่อนอยู่ที่ขอบบิกินี่ไลน์ด้านหลัง

ข้อดี

  • สามารถผ่าตัดได้ทันทีแม้ไม่มีไขมัน
  • สามารถกำหนดขนาดที่ต้องการได้
  • เมื่อต้องการเอาออกสามารถเอาออกได้ทั้งถุงซิลิโคน
  • การเสริมซิลิโคนสามารถแก้ปัญหาก้นห้อยในกรณีที่ก้นห้อยและมีหนังเหลือเยอะมาก เทคนิคนี้สามารถปรับรูปร่างของสะโพกและลำตัวได้

 รูปทรงของถุงซิลิโคน

ทรงกลม 

มีรูปร่างกลมแต่จะแบนกว่าถุงซิลิโคนที่ใช้เสริมเต้านม ใช้สำหรับเสริมสะโพกด้านใน ทรงกลมใส่ง่ายกว่าทรงวงรีและไม่มีโอกาสเคลื่อนตัว หมุนอย่างไรก็ไม่เป็นไร ช่วยให้วางตำแหน่งได้ง่าย

ถุงทรงวงรีหรือทรงหยดน้ำ 

เหมาะสำหรับเน้นบางจุดเพราะสามารถหมุนได้ทุกทิศทาง ถ้าคนไข้ต้องการเสริมสะโพกเฉพาะด้านนอก ไม่ต้องการเน้นด้านใน กรณีนี้ต้องใช้ทรงหยดน้ำ เพราะมีให้เลือกทั้งขั้วเล็ก ขั้วใหญ่ ในขณะที่ทรงกลมไม่มีขั้ว ทุกด้านเท่ากันหมด จึงมีจุดเด่นตรงที่สามารถเน้นตำแหน่งที่ต้องการได้

 เตรียมตัวก่อนการผ่าตัด

  • งดยาแอสไพริน บุหรี่ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ กระเทียม หัวหอม น้ำมันปลา วิตามินอี และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองก่อนผ่าตัดประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะอาหารพวกนี้มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อาจทำให้เลือดออกมากระหว่างผ่าตัดได้
  • งดน้ำและอาหาร 6-8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
  • ถ้ามีโรคประจำตัวหรือแพ้ยา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
  • เตรียมลางาน 10-15 วัน
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง ไม่ควรผ่าตัด
  • ถ้ามีบาดแผลบริเวณแขน ข้อศอก หัวเข่า หน้าอก หรือหน้าท้องควรงดผ่าตัดไปก่อน
  • การผ่าตัดเสริมสะโพกไม่ควรทำร่วมกับการผ่าตัดอื่น ๆ บริเวณส่วนหน้าของร่างกาย เช่น การตัดไขมันหน้าท้องหรือการเสริมหน้าอก เพราะจะมีปัญหาในการดูแลหลังผ่าตัด ยกเว้นการดูดไขมันเล็กน้อยอาจทำร่วมกันได้

การดูแลหลังผ่าตัด

  • การผ่าตัดเสริมก้น คนไข้ต้องนอนพักในโรงพยาบาลประมาณ 2 คืน เพื่อใส่ท่อระบายเลือดและสังเกตอาการโดยรวม
  • สัปดาห์แรกควรพักผ่อนมาก ๆ  แต่ไม่จำเป็นต้องนอนบนเตียงตลอดเวลา โดยทั่วไป ในวันที่ 4 สามารถเดินหรือนั่งอย่างช้า  ๆ  โดยอาจรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง
  • นอนคว่ำในสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ห้ามนอนหงายเพราะจะเป็นการกดทับถุงซิลิโคน
  • หลังจากเปิดแผล ควรทำความสะอาดแผลทุกวันจนถึงวันตัดไหม
  • เปิดผ้าพันแผลวันที่ 2 หรือ 3
  • สัปดาห์ที่สองสามารถนั่งบนเบาะนิ่ม ๆ  ได้
  • หลังผ่าตัดประมาณ 10 วัน จึงจะสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
  • อาการปวดบริเวณสะโพกอาจเกิดขึ้นได้ใน 1 – 3 เดือนแรก
  • จะไม่รู้สึกมีสิ่งแปลกปลอมที่สะโพกภายใน 6 – 8 เดือน
  • ใส่กางเกงรัดไว้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ กางเกงนี้เปรียบเสมือนตัวควบคุมตำแหน่งซิลิโคนไม่ให้เคลื่อนที่
WordPress › ผิดพลาด

เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงบนเว็บไซต์นี้

Learn more about troubleshooting WordPress.