ปัจจุบันนี้สาว ๆ ต่างก็อยากมีหุ่นที่ผอมเพรียว และต้องการที่จะมีสะโพกที่ผายออก รวมทั้งก้นก็ต้องงอนงาม ที่ใคร ๆ ก็มักจะเรียกว่าหุ่นทรงนาฬิกาทราย เป็นรูปร่างที่สาว ๆ ยุคนี้ต้องการ หากมีรูปร่างที่ไม่สมส่วนคงต้องหาวิธีเพิ่มสะโพกด้านข้าง เพื่อที่จะทำให้รูปร่างของตัวเองดูดีขึ้นมา เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองเมื่อมีคนมองเข้ามาแล้วเห็นว่าเรามีหุ่นที่สวยงาม
เมื่อมีรูปร่างที่สวยงามการที่จะสวมใส่เสื้อผ้าก็สบายไม่ต้องเลือกมาก เรียกได้ว่าหยิบจับอะไรมาใส่ก็จะดูสวยไปหมด มาร่วมกันหาวิธีการออกกำลังกายเพื่อที่จะทำให้สะโพกและก้นเราดูสวยงามกันเถอะ
วิธีเพิ่มสะโพกด้านข้าง
- อาหารเพิ่มกล้าม
การเลือกอาหารที่เหมาะสมกับการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มสะโพกจึงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ใช่ว่าต้องการโปรตีนในเนื้อสัตว์แล้วจะทานเนื้ออะไรก็ได้ เพราะเนื้อบางชนิดและบางส่วนมีไขมันแทรกอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสิ่งที่เราต้องการคือโปรตีนที่มีกรดอะมิโนจำเป็น คาร์โบไฮเดรต และไขมันดีเท่านั้น
ส่วนโปรตีนคุณภาพมีอยู่ในเนื้อสัตว์อย่างปลาทะเล, เนื้ออกไก่, ไข่, เวย์โปรตีน, ธัญพืช และเนื้อหมูในส่วนที่ไขมันน้อย สำหรับคาร์โบไฮเดรตจะเป็นมันฝรั่งและอะโวคาโด เป็นต้น
- อาหารว่างระหว่างวัน
สำหรับสาวๆ ที่กลัวว่าจะหิวระหว่างวัน ให้นำกล้วยมาปั่นผสมกับเมล็ดแฟลกซ์, ผลไม้, โยเกิร์ต และแซนวิซเนยถั่ว อาหารว่างเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโปรตีนจำเป็นและไขมันดีให้กับกล้ามเนื้อ และอย่าลืมที่จะดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อทำให้ร่างกายสามารถดึงน้ำไปใช้ในช่วงออกกำลังกายอย่างพอเหมาะด้วย
- หลีกเลี่ยงอาหารน้ำตาลและเกลือสูง
อาหารประเภท Junk Food นอกจากไม่ช่วยทำให้กล้ามเนื้อช่วงสะโพกมีมากขึ้นแล้ว ยังเป็นตัวสร้างไขมันเสียกับ
คาร์โบไฮเดรตที่ไม่ดีไปขัดขวางการทำงานของหลอดเลือดและความดันโลหิต
- ออกกำลังกายเน้นช่วงก้น
การออกกำลังกายที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน เช่นการ squats, deadlifts และ lunges ท่าเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากในการทำให้ช่วงสะโพกสวยขึ้น โดยเฉพาะท่า Squats ที่ถือว่าดีที่สุด
เมื่อออกกำลังกายและดูแลในเรื่องอาหารแล้วสะโพกด้านข้างก็ไม่ขึ้นสักที คงต้องพาไปพบกับการทำศัลยกรรมที่จะเป็นการเพิ่มสะโพกได้อย่างเห็นผลและรวดเร็ว โดยท่านจะต้องเข้ารับบริการกับสถานบริการที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากจะมีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางไว้คอยบริการท่าน แล้วศัลยกรรมเพิ่มสะโพกทำอย่างไรเรามาดูกันดีกว่าค่ะ
ศัลยกรรมเสริมสะโพก
ปัจจุบันการทำศัลยกรรมเสริมขนาดสะโพกด้วยซิลิโคนได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการศัลยกรรมมีความปลอดภัยมากขึ้น การเสริมขนาดสะโพกในสมัยก่อนนั้นส่วนใหญ่มักจะไปใช้วิธีการฉีดซิลิโคนเหลว ซึ่งเกิดผลข้างเคียงหลายอย่างตามมาเพราะเป็นสารแปลกปลอม ทำให้เกิดเป็นก้อนพังผืด สะโพกบิดเบี้ยว ผิดรูป และซิลิโคนยังมีการไหลไปยังส่วนต่าง ๆ หรือย้อยลงเหมือนคนมีอายุ เพราะซิลิโคนเหลวจะคงสภาพอยู่ได้ไม่นาน
เทคนิคการผ่าศัลยกรรมเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน
- การผ่าตัดโดยวางซิลิโคนบริเวณใต้ผิวหนัง
เป็นการศัลยกรรมเสริมสะโพกโดยใช้เทคนิคการผ่าตัด และวางตำแหน่งของซิลิโคนไว้ใต้ชั้นผิวหนัง บริเวณเหนือกล้ามเนื้อ จะเห็นความนูนเด่นของสะโพกได้อย่างชัดเจน
- การผ่าตัดทำให้มีความเจ็บปวดน้อย
- สะโพกจะนูนเด่นเห็นชัดเจน
- ไม่เป็นอันตรายต่อเส้นประสาท- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย
- การผ่าตัดโดยวางซิลิโคนบริเวณใต้กล้ามเนื้อ
เป็นการศัลยกรรมผ่าตัดเสริมสะโพกโดยการวางตำแหน่งของซิลิโคนระหว่างกล้ามเนื้อสะโพกมัดบนและมัดล่าง การผ่าตัดเทคนิคนี้จะมีอาการเจ็บปวดหลังจากผ่าตัดมากกว่าเทคนิคเสริมสะโพกใต้ผิวหนัง แต่จะทำให้มองไม่เห็นขอบซิลิโคน การผ่าตัดลักษณะนี้จะต้องใช้แพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อเส้นประสาทใหญ่ที่ขา
- การผ่าตัดลักษณะนี้จะไม่ค่อยเห็นรูปทรงซิลิโคน
- โอกาสที่ซิลิโคนจะทะลุมีน้อยกว่า
- สะโพกดูสวยงามเป็นธรรมชาติมากกว่า
- ป้องกันปัญหาซิลิโคนเคลื่อนที่
- ป้องกันปัญหาการติดเชื้อ
- ลดปัญหาการดูแลในระยะยาว
- การผ่าตัดโดยวางซิลิโคนใต้พังผืดกล้ามเนื้อ
เป็นเทคนิคที่พัฒนามาจากการผ่าตัด 2 เทคนิคด้านบน โดยเป็นการเปิดช่องใต้พังผืดกล้ามเนื้อแล้วนำซิลิโคนเสริมสะโพกใส่เข้าไป คือเป็นการผ่าตัดเสริมสะโพกแบบอยู่เหนือกล้ามเนื้อ แต่อยู่ใต้พังผืดกล้ามเนื้ออีกที ทำให้เห็นส่วนนูนของสะโพกได้ชัด วิธีนี้สามารถเสริมสะโพกด้านข้างได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเทคนิคนี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน
- สะโพกจะนูนสวยมากกว่าการเสริมแบบใต้กล้ามเนื้อ
- สามารถเสริมบริเวณด้านข้างสะโพกได้
บทสรุป
วิธีเพิ่มสะโพกด้านข้าง สามารถใช้การออกกำลังกายและการควบคุมอาหารควบคู่ไปด้วยได้ ซึ่งวิธีนี้ท่านต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจึงจะเห็นผล แต่อาจจะเห็นผลช้าสักหน่อย ซึ่งหากสาว ๆ ต้องการที่จะเห็นผลอย่างรวดเร็วต้องเข้าพึ่งศัลยกรรมโดยที่ปัจจุบันนี้การทำศัลยกรรมถือเป็นเรื่องที่ปกติสำหรับสาว ๆ แต่ท่านต้องศึกษารายละเอียดก่อนเข้ารับบริการให้ดีทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง