การเสริมสะโพก ถือเป็นการศัลยกรรมที่สามารถตอบโจทย์ให้กับสาว ๆ เป็นการปรับสรีระรูปร่างให้เห็นส่วนโค้ง ส่วนเว้าของเอว สะโพก และต้นขา ให้เด่นชัดขึ้น ทำให้สาว ๆ ได้มีรูปร่างที่สวยงาม สามารถแต่งตัวได้ง่าย มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ก่อนการตัดสินใจควรศึกษาหาข้อมูลเสริมสะโพกราคา pantip เพื่อเป็นแนวทางที่ช่วยในการตัดสินใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ให้กับสาว ๆ ได้ดีทีเดียว
การเสริมสะโพกเหมาะกับใคร
- เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มีก้นเล็กตั้งแต่กำเนิด ลีบ แฟบ เหมือนผู้ชาย ที่มีความต้องการใส่กางเกงรัดรูปหรือชุดบิกินี่ให้ดูเข้ารูปมากยิ่งขึ้น
- มีรูปร่างทื่อ เคยเสริมหน้าอกแล้ว ถ้าเสริมก้นไปอีก จะทำให้ดูมีสัดส่วนและดูเซ็กซี่มากยิ่ง ขึ้น
- ลดน้ำหนักมากเกินไป มีการยกกระชับ อาจต้องเสริมก้นเพิ่มด้วย
- แก้ปัญหาบั้นท้ายหย่อนยานตามวัย ต้องการเสริมให้ดูเต่งตึงขึ้น
- สาวสอง ซึ่งปกติผู้ชายไม่มีสะโพก การเสริมสะโพกจึงเป็นตัวเลือกที่ดี
- กลุ่มผู้หญิงที่สามีเป็นคนต่างชาติ และนิยมสะโพกใหญ่
- ผู้ไม่ต้องการใส่กางเกงในเสริมก้น อยากใส่กางเกงรัดรูป โชว์สะโพกได้อย่างมั่นใจ
การผ่าตัดเสริมสะโพก
การผ่าตัดเสริมสะโพกแพทย์จะทำการผ่าบริเวณร่องก้น ยาวประมาณ 4-5 ซม. จากนั้นใส่ ถุงซิลิโคน (Buttocks impaints) เป็นรูปทรงกลมหรือทรงรี(หยดน้ำ) แล้วแต่ความเหมาะสม เข้าไปใต้กล้ามเนื้อก้นที่อยู่ระหว่างกล้ามเนื้อส่วนนอกและส่วนกลาง ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ที่ช่วยลดปัญหาการเคลื่อนที่ของถุงซิลิโคน
การเปิดแผลส่วนนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะสามารถซ่อนแผลได้ดี ทำให้เห็นไม่ชัด และเปิดแผลเพียงแผลเดียว ก็สามารถทำได้ทั้ง 2 ข้าง
การผ่าตัดเสริมสะโพกให้ดูใหญ่และได้สัดส่วน จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยเสริมสร้างความงดงามของรูปร่าง เสริมบุคลิกภาพให้เกิดความมั่นใจ อีกทั้งยังมีความปลอดภัยในการผ่าตัดสูง
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
- แจ้งให้แพทย์ทราบข้อมูลโรคประจำตัว ยาโรคประจำตัว ประวัติการผ่าตัด ประวัติการแพ้ยา ประวัติการแพ้อาหาร (หากมีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ควรนำมาในวันปรึกษาด้วย) หรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
- ผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือยาโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการผ่าตัดหรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
- งดทานวิตามินอาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย เมล็ดองุ่น โสม ฯลฯ ต้องหยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน
- งดดื่มน้ำ งดรับประทานอาหารทุกชนิดก่อนผ่าตัด 8 ชั่วโมง
- ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด และไม่แต่งหน้าในวันผ่าตัด งดใส่คอนแทคเลนส์ในวันผ่าตัด หากมีปัญหาด้านสายตาให้สวมแว่นสายตาแทน
- งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกายในวันผ่าตัด (หากถอดออกไม่ได้ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ)
- งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัด เนื่องจากสารที่อยู่ในบุหรี่มีผลลดปริมาณออกซิเจนในเลือดและทำลายเซลล์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล มีผลทำให้เลือดที่จะมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่ผ่าตัดลดลง โดยมีโอกาสให้ผิวหนังที่ผ่าตัดขาดออกซิเจน ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนผ่าตัด และต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- ก่อนการผ่าตัด คนไข้ต้องทำความสะอาดเล็บมือเล็บเท้าให้สะอาด งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
- คนไข้ต้องเข้ามาทำการตรวจเลือดที่รพ.อย่างน้อย 5-7 วันก่อนการผ่าตัด (กรณีไม่สะดวกเข้ามาเจาะเลือดที่รพ.สามารถส่งผลตรวจเลือดมาได้)
- กรณีคนไข้ที่มีอายุเกิน 45 ปี ต้องมีผลตรวจสุขภาพและใบรับรองแพทย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์)
- เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป และควรทราบว่าหลังผ่าตัดย่อมเกิดการบวมช้ำบริเวณแผล และการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า หรือบริเวณร่างกายที่ทำการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลาในการหายของแผลหรือความเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่
การดูแลหลังผ่าตัด
- นอนพักที่โรงพยาบาลประมาณ 2 – 3 วัน
- หลังผ่าตัดแพทย์จะใส่สายระบายเลือด-น้ำเหลืองประมาณ 2 – 3 วัน
- แพทย์จะเปิดผ้าพันแผลในวันที่ 2 หรือ 3 และหลังจากเปิดแผล ควรทำแผลทุกวันจนถึงวันตัดไหม
- หลังผ่าตัดต้องนอนคว่ำอย่างน้อย 7 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้แผลแยกและช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น หลังจากนั้น สามารถนอนตะแคงสลับการนอนคว่ำ เป็นเวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์ และต้องใส่กางเกงยกกระชับสะโพก อย่างน้อย 1 เดือนเพื่อช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้น
- ผลของการผ่าตัดจะเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่วันแรก แต่จะยังมีอาการบวมอยู่ โดยก้น สะโพกจะดูนิ่มและเป็นธรรมชาติประมาณ 2 – 3 เดือนขึ้นไปหลังผ่าตัด
- วันที่ 3 หลังการผ่าตัดสามารถเดินหรือนั่งได้ช้า ๆ โดยที่อาจจะรู้สึกปวดตึงอยู่บ้าง
- หลังจากผ่าตัด 1-2 สัปดาห์ สามารถทำการออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อยืดกล้ามเนื้อ โดยการงอหัวเข่าขึ้นประมาณ 4 – 5 ครั้งต่อวันก็จะช่วยให้เดินได้ปกติเร็วขึ้น (ควรปรึกษาแพทย์)
- กรณีถ้ามีการดูดไขมันร่วมด้วยต้องใส่ชุดสำหรับดูดไขมันประมาณ 3 – 4 อาทิตย์ขึ้นไป
- สามารถออกกำลังกายตามปกติหลังผ่าตัด 4 สัปดาห์ขึ้นไป