การเสริมสะโพก เป็นการปรับรูปร่างให้เห็นส่วนเว้า ส่วนโค้งของเอว สะโพก และต้นขา ให้มีความเด่นชัดขึ้น การผ่าตัดเสริมสะโพกช่วยทำให้มีสะโพกผายกว้าง กระชับ กลมกลึง ไม่แคบและแบนราบเหมือนในอดีต ช่วยทำให้มีสัดส่วนของเอว สะโพก ต้นขา สวยสมดุล และไม่ทำให้เกิดอันตรายหรือมีปัญหาแทรกซ้อนมากเหมือนการไปรับการฉีดซิลิโคน ซึ่งปัจจุบันนี้วิธีเสริมสะโพกด้วยไขมันตัวเองกำลังได้รับความนิยม
การเสริมสะโพกด้วยไขมันตัวเองนั้น เป็นการนำไขมันของผู้เข้ารับบริการจากบริเวณต่าง ๆ มาเติมเต็มบริเวณสะโพก ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เหมาะกับสาวๆที่กลัวการฉีดหรือนำเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะไขมันคือไขมันของตัวเราเองรับรองว่าปลอดภัยอย่างแน่นอน
ใครคือผู้ที่เหมาะกับการเสริมสะโพกด้วยไขมันตัวเอง
- เหมาะกับผู้ที่มีขนาดสะโพกเล็กเกินไป สวมใส่เสื้อผ้าแล้วไม่สวยงาม
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสะโพกหย่อนคล้อย แบน ไม่กระชับ
- เหมาะกับผู้ที่มีรูปร่างไม่สมส่วน
การเตรียมตัวก่อนการฉีดไขมัน
- ท่านต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
- ก่อนเข้ารับการเสริมสะโพกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ท่านต้องงดทานยาหรืออาหารเสริม เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาแก้ปวด วิตามิน
- หากท่านมีโรคประจำตัวต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อแพทย์จะได้ประเมินว่าสามารถทำได้หรือไม่
- ก่อนเข้ารับการเสริมสะโพกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ท่านควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
วิธีการฉีดไขมันเสริมสะโพก
- แพทย์จะทำการดูดไขมันส่วนเกินจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง หรือ ต้นขา
- แพทย์จะนำไขมันที่ได้มาผ่านกรรมวิธีคัดแยกเพราะเลือกเอาเฉพาะเซลล์ไขมันที่ดี คุณภาพดี
- แพทย์จะทำการฉีดไปยังบริเวณสะโพก เพื่อปรับรูปทรงให้ดูสวยรับกับรูปร่าง
- ตำแหน่งที่จะฉีดไขมัน จำเป็นมากที่แพทย์จะต้องมีความชำนาญ ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้เพราะแพทย์จะต้องตกแต่งสะโพกด้วยการฉีดและการปั้นเพื่อให้สวยรับกับรูปร่าง
บทความแนะนำ รักษาเส้นเลือดขอด จาก Rattinan.com
การดูแลหลังฉีดไขมัน
- ห้ามประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม เพราะไขมันที่อยู่บนหน้าอาจเสียรูปได้
- ห้ามนวดตรงจุดที่เติมไขมัน เพราะอาจจะทำให้ไขมันผิดรูป
- ทานยาแก้อักเสบ ลดบวม ให้ครบตามที่แพทย์สั่ง
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การเสริมสะโพกไม่ได้มีเพียงแต่การฉีดไขมันเท่านั้นยังมีการผ่าตัดเสริมสะโพกซึ่งการผ่าตัดเสริมสะโพกนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการปรับรูปทรงสะโพกให้ดูผาย กลมกลึง กระชับสวยงาม ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณ ร่องก้น ยาวประมาณ
4 – 5 ซ.ม.
จากนั้นใส่ ถุงซิลิโคน (Buttocks impaints) เป็นรูปทรงกลม หรือทรงรี แล้วแต่ความเหมาะสม เข้าไปใต้กล้ามเนื้อก้น ที่อยู่ระหว่างกล้ามเนื้อส่วนนอกและส่วนกลาง ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ที่ช่วยลดปัญหาการเคลื่อนที่ของถุงซิลิโคน ซึ่งอาจจะทำให้ระดับของสะโพกไม่เท่ากันสองข้าง และอาจเกิดพังผืดได้
การผ่าตัดเสริมสะโพกมี 3 แบบคือ
- ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน ( Buttock Implants )
การผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยถุงซิลิโคน เป็นวิธีการแรกๆที่ใช้ในการศัลยกรรมเสริมสะโพก ศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณร่องก้นและใส่ถุงซิลิโคนเข้าไป เป็นวิธีที่แพทย์มักจะแนะนำเพราะปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะโพกน้อย
- ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมันตัวเอง ( Fat graft ) ซึ่งเราได้กล่าวไปแล้วข้างต้น
- ผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน ร่วมกับ การผ่าตัดยกกระชับ ( Buttock Implants and lift)
เป็นการยกกระชับสะโพกที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเด้งเต่งตึงอีกครั้ง โดยการผ่าตัดนำผิวหนังส่วนที่หย่อนคล้อยบริเวณสะโพกออก จะมีแผลซ่อนอยู่ที่ขอบบิกินีไลน์ด้านหลัง การผ่าตัดอาจจะเป็นการผ่าตัดยกกระชับสะโพกอย่างเดียว หรือ มีการเสริมด้วยถุงซิลิโคนหรือและฉีดไขมันร่วมด้วย
วิธีการผ่าตัด เสริมสะโพกด้วยถุงซิลิโคน
- แพทย์จะให้ผู้เข้ารับบริการนอนคว่ำดมยาสลบ
- แพทย์จะทำการเปิดแผลที่ร่องก้น ยาว 4-5 เซนติเมตร เปิดโพรงใต้กล้ามเนื้อสะโพกทั้งสองข้างแล้วใส่ถุงซิลิโคนสำหรับก้น ที่เลือกไว้เข้าไป จัดรูปทรงให้สวยงาม
- แพทย์จะทำการเย็บปิดแผล
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดได้หลังการ เสริมสะโพก
ทุกหัตถการย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ควรรู้ว่าสามารถเกิดขึ้นได้ ถึงแม้จะได้รับการผ่าตัดอย่างดี
- อาจเกิดแผลเป็นขึ้นได้
- อาจมีเลือดออก บวม เขียวช้ำ และมีอาการปวดเกิดขึ้นได้
- อาจเกิดภาวะติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด หรือติดเชื้อรอบซิลิโคนเสริมสะโพก
- เมื่อทำการเสริมสะโพกแล้ว ซ้ายขวา อาจจะไม่เท่ากันได้
- อาจเกิดภาวะพังผืด และต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไขได้
- เนื่องจากเป็นซิลิโคนเหลว อาจเกิดการแตกรั่วออกจากถุงซิลิโคน
- แผลอาจจะหายช้า อาจเกิดแผลแตก แผลแยกได้
- อาจมีความเสี่ยงจากการดมยาสลบ
บทสรุป
เสริมสะโพกด้วยไขมันตัวเอง เป็นการนำไขมันของผู้เข้ารับบริการมาเติมเต็มบริเวณสะโพก ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญคือ สามารถดูดไขมันส่วนเกินออกไปเพื่อปรับลดขนาดสัดส่วน และยังสามารถนำไขมันที่ดูดออกมาไปเพิ่มเสริมหน้าอกให้มีสัดส่วนที่ดีขึ้นได้ ก่อนที่จะเข้ารับบริการท่านควรจะทำการศึกษารายละเอียดและเลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน เนื่องจากจะมีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญไว้คอยบริการท่าน