การเสริมสะโพก pantip เป็นการเพิ่มส่วนของแก้มก้นหรือส่วนของสะโพกให้โตขึ้น ช่วยให้รูปร่างดีขึ้น ผู้ที่มีสะโพกสวยงาม สามารถเลือกเสื้อผ้าที่ใช้ได้หลากหลายกว่าผู้ที่ไม่มีสะโพก สามารถเพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว ดังนั้น จะมีผู้ที่ต้องการเสริมสะโพกมากขึ้น เพราะการเสริมสะโพกสามารถสร้างความมั่นใจให้กับสาว ๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะการมีสะโพกจะใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็สวยและดูดีจึงทำให้สาว ๆ หันมาเสริมสะโพกกันมากขึ้น
เทคนิคที่ใช้ในการเสริมสะโพก
การเสริมสะโพกแบ่งตามเทคนิคออกเป็น 3 เทคนิคดังนี้
- เสริมโดยการใช้ไขมันฉีดให้เพิ่มขึ้น
วิธีนี้ทำโดยการดูดไขมันจากบริเวณอื่นมาเสริมที่สะโพก มีข้อเสียคือต้องมีแผลที่บริเวณอื่นที่ดูดไขมันออกมา แต่ว่ามีข้อดี คือไม่มีสารแปลกปลอมมากหลังจากหายแล้วจะดูเป็นธรรมชาติ แต่ไม่สามารถเสริมให้มีขนาดใหญ่มาก ๆ ได้ในครั้งเดียว วิธีนี้จะเสริมสะโพกในทุก ๆ ตำแหน่งของสะโพกโดยสามารถที่จะเลือกได้ว่าต้องการ เสริมที่บริเวณใดมาก บริเวณใดน้อย
- เสริมโดยการผ่าตัด ใส่แผ่นซิลิโคนหรือถุงซิลิโคน
วิธีนี้มีแผลยาวประมาณ 7 ซม. บริเวณร่องก้นหรือตรงกลางบริเวณกระดูกสันหลังแล้วเสริมโดยใช้ถุงซิลิโคน ชนิดที่ทำเพื่อเสริมสะโพกใส่ไว้ภายในกล้ามเนื้อวิธีนี้ช่วยทำให้รูปทรงของ สะโพกดี โดยการผ่าตัดเพียงครั้งเดียวและสามารถเลือกขนาดสะโพกใหญ่เท่าไหร่ก็ได้แต่จะ เสริมได้เฉพาะสะโพกด้านบน บริเวณกลาง ๆ เท่านั้นไม่สามารถที่จะเสริมสะโพกส่วนล่างได้ เพราะจะกดเส้นประสาท ถุงซิลิโคนที่ใช้เสริมสะโพกจะมีรูปร่าง 2 แบบ คือ แบบเป็นแผ่นและแบบถุง
- การเสริมสะโพกร่วมกับการดูดและฉีดไขมัน
การตกแต่งสะโพกให้สวยงามโดยใช้การเสริมสะโพกร่วมกับการดูดและฉีดไขมันเป็นการผ่าตัดโดยมีการผ่าตัดเพื่อใส่ถุงหรือแผ่นซิลิโคนพร้อมกับการดูดไขมันและ ฉีดไขมันในคราวเดียวกัน เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการผ่าตัด เสริมสะโพกโดยใช้ถุงซิลิโคน ในปัจจุบันแนะนำให้เสริมใต้กล้ามเนื้อเป็นหลักการเสริมใต้กล้ามเนื้อทำให้สะโพกหลังการเสริมมีการนูนเด่นบริเวณกลาง ๆ แก้มก้นไม่สามารถเสริมด้านข้างมาก ๆ ได้ถึงแม้ว่าจะใช้ถุงเสริมสะโพกทรงหยดน้ำก็ตามเพราะว่าบริเวณด้านข้างไม่มีกล้ามเนื้อรองรับในบางคนที่ต้องการเสริมด้านข้างมาก ๆ บางทีอาจทำการดูดไขมันจากบริเวณเหนือสะโพกหรือใต้สะโพกแล้วฉีดบริเวณด้านข้างก็จะ ช่วยให้รูปร่างสะโพกตรงกลางนูนขึ้นจากถุงซิลิโคนขณะที่ด้านข้างนูนขึ้นจาก ไขมันที่ฉีดพร้อมทั้งส่วนเหนือและใต้สะโพกแบนราบลง ส่งผลทำให้สะโพกดูเด่นขึ้นมากกว่าทั้ง 2 วิธีแรก
ซิลิโคนที่ใช้สำหรับผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสะโพกมีทั้งหมดกี่แบบ
ซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมสะโพกมีอยู่ 2 แบบดังนี้
1.ซิลิโคนเสริมสะโพกชนิดทรงกลม
เป็นซิลิโคนที่แบนกว่าชนิดซิลิโคนสำหรับเสริมหน้าอก เหมาะกับการใช้เสริมบริเวณสะโพกด้านใน หรือบริเวณบั้นท้าย เพื่อให้บั้นท้ายดูกลมสวย แต่ไม่ควรผ่าตัดเสริมระดับใต้ผิวหนังเพราะว่าอาจจะส่งผลให้สะโพกด้านในนั้นดูไม่สวยเป็นธรรมชาติ
2.ซิลิโคนเสริมสะโพกชนิดทรงหยดน้ำ
เป็นซิลิโคนทรงวงรี ที่ใช้สำหรับเสริมบริเวณด้านข้างของสะโพก ซึ่งจะทำให้สะโพกดูสวยเป็นธรรมชาติมากกว่า จึงมักถูกเรียกว่าเป็นซิลิโคนเสริมสะโพกทรงธรรมชาติ โดยการผ่าตัดเสริมนั้น ซิลิโคนจะต้องมีการกำหนดตำแหน่งให้เหมือนกันทั้ง 2 ข้าง เพื่อจะให้สะโพกสวยดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแตกต่างกันทั้งสองข้างนั่นเอง
การผ่าตัดศัลยกรรม เสริมสะโพก เหมาะกับใคร
- เหมาะกับคนที่มีรูปร่างโดยรวมไม่มีส่วนเว้าโค้ง
- เหมาะกับคนที่บั้นท้ายไม่มีวอลลุ่ม ฟีบแบน
- เหมาะกับคนที่สะโพกขาดวอลลุ่มจากการลดน้ำหนัก
การผ่าตัดเสริมสะโพก
การผ่าตัดเสริมสะโพกหมอจะทำการผ่าบริเวณร่องก้น ยาวประมาณ 4-5 เซนติเมตร จากนั้นใส่ ถุงซิลิโคน (Buttocks impaints) เป็นรูปทรงกลมหรือทรงรี(หยดน้ำ) แล้วแต่ความเหมาะสม เข้าไปใต้กล้ามเนื้อก้นที่อยู่ระหว่างกล้ามเนื้อส่วนนอกและส่วนกลาง ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ที่ช่วยลดปัญหาการเคลื่อนที่ของถุงซิลิโคน
การเปิดแผลส่วนนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะว่าสามารถซ่อนแผลได้ดี ทำให้เห็นไม่ชัด และเปิดแผลเพียงแผลเดียว ก็สามารถทำได้ทั้ง 2 ข้าง
การผ่าตัดเสริมสะโพกให้ดูใหญ่และได้สัดส่วน จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถช่วยเสริมสร้างความงดงามของรูปร่าง เสริมบุคลิกภาพให้เกิดความมั่นใจ อีกทั้งยังมีความปลอดภัยในการผ่าตัดสูงอีกด้วย
การดูแลหลังการผ่าตัดเสริมสะโพก
- นอนพักที่โรงพยาบาลประมาณ 2 – 3 วัน
- โดยทั่วไปใส่สายระบายน้ำเหลืองประมาณ 2 – 3 วันเพื่อป้องกันน้ำเหลืองหรือเลือดคั่ง
- โดยทั่วไปจะตัดไหมประมาณ 10 -14 วันแล้วแต่ความตึงของแผล
- วันแรกหลังผ่าตัดสามารถนั่งแบบไม่เต็มก้นหรือนั่งในท่าก้ม ๆ ตัวได้ และสามารถเดินช้า ๆ ได้หรือเข้าห้องน้ำชำระร่างกายได้
- 7 วันแรกขณะที่นอนควรจะนอนในท่าคว่ำหรือเอียงข้างเท่านั้น ห้ามนอนหงายเพราะว่าจะกดถุงซิลิโคน
- หลังจากเปิดแผล ควรจะทำแผลทุกวันจนถึงวันตัดไหม
- เปิดผ้าพันแผลวันที่ 2 หรือ 3
- อาทิตย์ที่ 2 นั่งบนหมอนนุ่ม ๆ ได้
- 1 อาทิตย์แรกควรพักผ่อนมาก ๆ แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องนอนบนเตียงตลอดเวลาโดยทั่วไปหลัง วันที่ 3 สามารถเดินหรือนั่งได้ช้า ๆ โดยที่จะรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง
- ประมาณ 10 วัน สามารถทำงานประจำวันได้สามารถขับรถได้
- 6 – 8 อาทิตย์ สามารถออกกำลังกายหนัก ๆ เช่น เล่นสกี ,ขี่ม้า ,มวยปล้ำ ,จักรยานได้
- งดขับรถยนต์ 10 วัน เนื่องจากในช่วงแรกอาจนั่งไม่ถนัด
- อาการปวดบริเวณสะโพกอาจมีได้ 1 – 3 เดือนแรก
การเสริมสะโพก pantip สามารถตอบโจทย์ให้กับสาว ๆ ที่มีสะโพกเล็กให้มีสะโพกที่สมส่วนเข้ากับรูปร่างได้เป็นอย่างดี ละการเสริมสะโพกสามารถสร้างความมั่นใจให้กับสาว ๆ ได้เป็นอย่างดี และสาว ๆ ตนไหนคิดจะเสริมสะโพกควรปรึกษาหมอเฉพาะทางเสียก่อน เพื่อที่คุณหมดจะได้วิเคราะห์สะโพกเพื่อทำการผ่าตัดได้ถูกต้องค่ะ